วันที่ 13 พฤษภาคม ฉลองแม่พระฟาติมา
ชาวคาทอลิกศรัทธาต่อพระนางมารีย์ ผู้เป็นมารดาของพระเยซูคริสตเจ้า และยกพฤษภาคมเป็นเดือนของพระนาง ที่จะภาวนาสายประคำและรำพึงถึงพระนางเป็นพิเศษ นอกจากนี้วันที่ 13 พฤษภาคม เป็นวันระลึกถึง " แม่พระแห่งฟาติมา " โดย พระนางมารีย์ได้ประจักษ์มาแก่เด็กเลี้ยงแกะสามคน ที่ตำบลฟาติมา ประเทศโปรตุเกส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1917ขณะที่สงครามโลกครั้งแรกใกล้จะสิ้นสุดลง เด็กทั้งสามคือ ด.ญ. ลูซีอา ซานโทส อายุ 10 ขวบ (เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2548) และสองพี่น้องคือ ด.ช. ฟรังซิสโก มาร์โต อายุ 9 ขวบ และน้องสาวชื่อ ยาชินทา มาร์โต อายุ 7 ขวบ ทั้งสองครอบคัวเป็นญาติกัน อาศัยอยู่ในหมู่บ้านอัลยุสเตรล เป็นหมู่บ้านชาวนา - ชาวสวน รวมทั้งเลี้ยงสัตว์ ตามประวัติ แม้จะมีการเบียดเบียนศาสนาคริสต์ในประเทศนั้น โดยพรรคคอมมิวนิสต์ แต่ครอบครัวของเด็กทั้งสาม พ่อแม่เป็นคนศรัทธา สอนคำสอนแก่ลูกให้สวดภาวนา สวดสายประคำ มีความศรัทธาต่อพระเป็นเจ้า แม่พระและนักบุญ เด็กทั้งสามจึงเป็นเด็กศรัทธาน่ารัก เป็นเด็กซื่อๆ
แม้จะมีปัญหาการเมืองและสังคม แต่พระเป็นเจ้าและพระนางมารีย์ต้องการช่วยเหลือให้มนุษย์มีความเชื่อมั่นคง และให้โลกมีสันติภาพ ยุติสงคราม เลิกรบราฆ่าฟัน จึงโปรดให้ทูตแห่งสันติภาพได้ประจักษ์มาสามครั้ง ในปีค.ศ. 1916 แก่เด็กทั้งสาม
ครั้งแรกเทวดาประจักษ์มาในฤดูใบไม้ผลิ 1916 กล่าวว่า " อย่ากลัวเลย ฉันเป็นเทวดาแห่งสันติ จงสวดพร้อมกับฉัน ( แล้วเทวดาสวดบทสวด ) " ข้าแต่พระเจ้า , หนูชื่อ , หนูขอนมัสการ , หนูไว้วางใจและรักพระองค์ หนูขอโทษพระองค์สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อ , ที่ไม่นมัสการ , ไม่ไว้วางใจ และไม่รักพระองค์ "
"สวดอย่างนี้นะ แล้วดวงพระทัยของพระเยซูเจ้าและแม่พระจะโอนอ่อนลงตามคำสวดของหนู "ครั้งที่ 2 ในฤดูร้อน ปี 1916 " หนูจงสวดมาก ๆ ! ดวงพระทัยของพระเยซูเจ้าและแม่พระ มีโครงการมหากรุณาสำหรับหนู จงถวายคำภาวนาและพลีกรรมแด่พระองค์เสมอไป " หนูสามารถถวายพลีกรรมได้จากสิ่งต่างๆ มากมาย จงถวายแด่พระ เพื่อเป็นการชดเชยการใช้โทษบาปมากมายที่มนุษย์ทำผิดต่อพระองค์ และเพื่อวอนขอให้คนบาปได้กลับใจ ทั้งนี้จะนำมาซึ่งสันติภาพสำหรับประเทศของหนูเอง ฉันเป็นเทวดาผู้อารักขาประเทศโปรตุเกส เป็นต้น หนูจงยอมรับความทุกข์ยากที่พระเป็นเจ้าทรงใช้มาเยี่ยมหนู "
ครั้งที่ 3 ฤดูใบไม้ร่วง ปี 1916 เทวดานำศีลมหาสนิทมาให้เด็กทั้งสาม ก่อนจะรับได้สอนให้สวดบทต่อไปนี้ 3 จบ " ข้าแต่พระตรีเอกภาพ พระบิดา พระบุตร และพระจิต หนูขอนมัสการพระองค์อย่างสุดซึ้งและขอถวายพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพของพระเยซูคริสตเจ้าผู้สถิตในตู้ศีลทั่วสากลโลก เพื่อชดเชยการสบประมาท การทุราจาร และความเฉยเมยของผู้ทำผิดแสลงพระทัยของพระองค์ เดชะพระบารมีหาขอบเขตมิได้ แห่งดวงพระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง และดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์ ขอให้คนบาปกลับใจด้วยเถิด "
ที่น่าประหลาดคือ เด็กทั้งสามมิได้เล่าเรียน แต่สามารถเข้าใจบทภาวนาที่เทวดาสอนและจดจำมาสวดอีกบ่อยๆ
13 พฤษภาคม 1917 แม่พระทรงประจักษ์ครั้งแรก
เมื่อเด็กทั้งสามได้รับการเตรียมตัวจากเทวดาแล้ว แม่พระก็ได้ประจักษ์มาวันที่ 13 พฤษภาคม 1917 เด็กทั้งสามพาแกะไปเลี้ยงที่แอ่งอิรีอาตามปกติ ไม่นึกฝันว่าจะเกิดอะไรขึ้น ประมาณเวลาเที่ยง ทั้งสามกินอาหารที่เตรียมไป แล้วสวดลูกประคำพร้อมกัน หลังจากนั้นก็เล่นโดยเอาก้อนหิน และกิ่งไม้เล็กๆ มาสร้างบ้านเล่นกัน ฉับพลันนั้นมีแสงสว่างจ้าเกิดขึ้น ทั้งสามตกใจคิดว่าพายุจะมา จึงรีบต้อนแกะ เพื่อจะกลับบ้าน แสงจ้ากว่าเดิมวาบขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้วปรากฏแสงจ้าบนต้นโอ๊กเขียวชะอุ่ม และตรงกลางดวงสว่างจ้านั้น เด็กๆ เห็นสตรีงามวิไล รังสีเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์ ทั้งสามตกใจกลัวจะวิ่งหนี แต่สตรีงามตรึงเขาไว้ด้วยรอยยิ้มน่ารัก" อย่ากลัวฉันเลย ฉันไม่ทำร้ายหรอก "
ขอผ่านรายละเอียดในการประจักษ์มาและฟังลูซีอาที่พูดกับสตรีงามในนามเด็กทั้งสาม
" ท่านมาจากไหนจ๊ะ ? "
" ฉันมาจากสวรรค์ "
" ท่านมาทำไมจ๊ะ ? "
ฉันมาขอให้หนูมาที่นี่ 6 ครั้งติดต่อกัน เวลาเดียวกันในวันที่ 13 ของทุกเดือน และในเดือนตุลาคม ฉันจะบอกว่าฉันเป็นใคร และต้องการอะไรจากหนู "
" ท่านมาจากสวรรค์ หนูจะไปสวรรค์ได้ไหม ? "
" ได้สิหนูจะได้ไป "
" ยาชินทาล่ะคะ ? "
" ก็จะได้ไป "
" ฟรังซิสโกล่ะ ? "
" ก็จะไปด้วยแต่เขาต้องสวดลูกประคำมาก ๆ เสียก่อน "
หลังจากสนทนาดังกล่าวนี้แล้ว แม่พระก็เริ่มเรื่องที่สำคัญ
" หนูเต็มใจถวายพลีกรรม และความยากลำบากต่างๆ แด่พระเป็นเจ้า เพื่อใช้โทษบาปมากมายที่ผิดแสลงพระทัยพระองค์ไหม ?
" หนูทั้งสามเต็มใจค่ะ "
" เธอจะต้องประสบความทุกข์ยากลำบากมากในไม่ช้านี้ แต่พระหรรษทานของพระเป็นเจ้าจะช่วยเหลือจุนเจือเสมอ "แล้วสตรีงามค่อยๆ ลอยขึ้นไปทางทิศตะวันออก และอันตรธรานไปในแสงอาทิตย์
13 มิถุนายน 1917 การประจักษ์ครั้งที่ 2
ในการประจักษ์ครั้งที่ 2 นี้ เราจะพูดเพียง 3 เรื่อง
1. หลังจากแม่พระขอให้เด็กทั้งสามสวดลูกประคำบ่อยๆ แล้วยังบอกให้เราแทรกบทต่อไปนี้ทุก 10 เม็ดด้วย " พระเยซูเจ้าข้าโปรดยกบาปโทษของเรา โปรดช่วยเราให้พ้นจากไฟนรก และโปรดช่วยวิญญาณไฟชำระ โดยเฉพาะวิญญาณที่ถูกทอดทิ้ง "
2. แล้วแม่พระบอกความลับให้เด็กแต่ละคนเฉพาะตัว ห้ามบอกคนอื่น สิ่งนี้ทำให้เด็กทั้งสามรู้สึกลำบากใจ ( ที่จะรักษาความลับไว้ )
3. ภายหลังเมื่อเป็นซิสเตอร์แล้ว ลูซีอาได้รับคำสั่งให้เขียนความลับนั้นเก็บไว้ ลูซีอาทูลถามพระเยซูเจ้าในตู้ศีล ก็ได้รับคำตอบชัดเจนจากพระองค์ให้เผยความลับได้ส่วนหนึ่ง ที่เหลือให้คงเก็บรักษาสืบไป
ต่อไปนี้เป็นบันทึกที่ลูซีอาเขียน เมื่อ 27 ธันวาคม 1927
ลูซีอาขอแม่พระอีกครั้งให้พาทั้งสามคนไปสวรรค์ แม่พระตอบว่า " ฉันจะรับยาชินทาและฟรังซิสโกไปในไม่ช้านี้แหละ ส่วนหนูนั้นต้องอยู่อีกนาน พระเยซูเจ้าต้องการให้หนูนำคนอื่นมารู้จักและรักฉัน พระองค์ประสงค์จะให้โลกศรัทธาภักดีต่อดวงหทัยนิรมลของฉัน "
" อย่างนี้หนูมิต้องอยู่คนเดียวหรือคะ ? "
" ไม่หรอกหนู ฉันจะไม่ทิ้งหนูเลย ดวงหทัยนิรมลของฉันจะเป็นที่พึ่งของหนู และหนทางนำหนูไปหาพระเป็นเจ้า "
13 กรกฎาคม 1917 การประจักษ์ครั้งที่ 3
มี 3 สิ่งที่จะดูในการประจักษ์ครั้งที่ 3 คือ
1. แม่พระขอร้องอีกให้สวดลูกประคำทุกวัน และเสริมว่า " จงสวดด้วยความตั้งใจ ขอให้สงคราม ( สงครามโลกครั้งที่ 1 ) สงบ มีแต่การวอนขอพระนางเท่านั้น มนุษย์จะได้รับพระคุณนี้
2. พระนางบอกอีกว่า " ให้มาทุกเดือน แล้วถึงเดือนตุลาคม ฉันจะบอกว่าฉันเป็นใคร และต้องการอะไร แล้วฉันจะทำอัศจรรย์ใหญ่เพื่อทุกคน จะได้เชื่อพวกหนู "
3. ที่สุด " จงทำพลีกรรมเพื่อคนบาป และสวดบ่อย ๆ ว่า " ข้าแต่พระเยซู พลีกรรมนี้เพื่อแสดงความรักต่อพระองค์ เพื่อคนบาปจะได้กลับใจ และเพื่อชดเชยการทำขัดเคืองดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีอา "
19 สิงหาคม 1917 การประจักษ์ครั้งที่ 4
ในการประจักษ์ครั้งที่ 4 มีสิ่งสำคัญอย่างเดียวคือ " จงสวดภาวนามากๆ และทำพลีกรรมเพื่อคนบาป วิญญาณมากมายต้องไปนรกเพราะไม่มีผู้ทำพลีกรรมและสวดให้เขา "
13 กันยายน 1917 การประจักษ์ครั้งที่ 5
การประจักษ์ครั้งที่ 5 นี้ เราจะเล่าเพียงตอนเดียว ลูซีอาขอพระนางพรหมจารีช่วยบำบัด คนเจ็บ คนป่วย ที่หลายคนได้วอนขอ พระนางพรหมจารีตอบว่า " ฉันจะบำบัดให้หายเป็นบางคน มิใช่ทุกคน เพราะพระเป็นเจ้าไม่ทรงพอพระทัย "
13 ตุลาคม 1917 การประจักษ์ครั้งที่ 6
เนื่องจากข่าวที่ว่า วันนี้จะมีอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ จึงมีมหาชนสุดคณนาไหลมาเทมา ทั้งคนที่เชื่อ และคนที่มาเพราะความมักรู้มักเห็น ทั้งคนที่คัดค้าน ตลอดจนนักหนังสือพิมพ์ ผู้สังเกตการณ์ ( แพทย์ นักวิชาการ ฯลฯ ) เท่าที่ทางการคาดคะเนถึง 70 , 000 คน
แม่พระตรัสอะไร ?
"ฉันคือพระมารดาแห่งสายประคำ ฉันมาเตือนสัตบุรุษให้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต อย่าทำบาปให้เป็นที่ขัดเคืองพระทัยพระเยซูเจ้า บาปนั้นมากมายเกินไปแล้ว จงสวดลูกประคำ และใช้โทษบาปของตนเถิด "
พระนางเสริมว่า " ฉันอยากให้สร้างวัดหลังหนึ่งที่ตรงนี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่ฉัน และอีกตอนหนึ่งว่า " สงครามจะยุติลงในไม่ช้า ถ้ามนุษย์แก้ไขความประพฤติของตน "
แล้วพระนางค่อยๆ ถอยห่างหายลับไปในแสงอาทิตย์ พลางชี้พระหัตถ์ไปทางนั้น และได้เกิดอัศจรรย์ใหญ่ ซึ่งฝูงชนทั้งหมดเห็นเป็นพยาน
ฉับพลันนั้นลูซีอาร้องว่า " ดูดวงอาทิตย์สิ! "
ฝูงชนสังเกตเห็นเหตุการณ์น่าตกใจ สะเทือนขวัญเพียงครั้งเดียวในชีวิต ! ฝนหยุดตก เมฆครึ้มแต่เช้าจางหายไป ดวงอาทิตย์ปรากฏตรงศรีษะ เหมือนรูปจานเงิน มองด้วยตาเปล่าไม่เคืองตา และฉับพลันนั้นเอง ดวงอาทิตย์ก็เริ่มหมุนรอบตนเองประดุจล้อไฟ แสงพวยพุ่งไปรอบทิศ เปลี่ยนสีต่างๆ ท้องฟ้า ต้นไม้ แผ่นดิน หิน และฝูงชนถูกจ้องด้วยสีเขียว เหลือง แดง ม่วง ดวงอาทิตย์หยุดชั่วครู่ แล้วหมุนแผ่รังสีจ้ากว่าเก่าอีก แล้วเริ่มใหม่อีกเป็นครั้งที่ 3 !
บัดดลนั้นฝูงชนเห็นดวงอาทิตย์หลุดลอยจากท้องฟ้า หมุนเคว้งคว้างอยู่เหนือพวกเขา ทุกคนอกสั้นขวัญแขวนร้องว่า " มหัศจรรย์ ! มหัศจรรย์ ! " บ้างร้องว่า " วันทามารีอา " ส่วนใหญ่วิงวอนว่า " พระเจ้าข้า กรุณาลูกด้วยเถิด ! ทุกคนคุกเข่าลงสวดบทแสดงความทุกข์ดังลั่น ! และขับร้องบทข้าพเจ้าเชื่อเสียงสั่นเทา ชายชราคนหนึ่งตะโกนลั่นว่า " พรหมจารีศักดิ์สิทธิ์ พรหมจารีผู้มีบุญ พรหมจารีแห่งสายประคำ โปรดช่วยโปรตุเกสด้วยเทอญ " ฯลฯ
เหตุการณ์เกิดขึ้น 10 นาที ท่ามกลางฝูงชน 70,000 คน เป็นประจักษ์พยานยืนยัน มีทั้งผู้ที่เชื่อและไม่เชื่อ ทั้งชาวชนบทไร้การศึกษาและชาวเมืองที่มีการศึกษา ทั้งนักวิทยาศาสตร์ แพทย์ และนักหนังสือพิมพ์ ปรากฏการณ์ แม้ผู้ที่อยู่ห่างไกลถึง 30 - 40 กม. ก็ยังสังเกตเห็น
และเมื่อฝูงชนหายตื่นตระหนกตกใจแล้ว ทุกคนยังต้องประหลาดใจอีกครั้ง เพราะเสื้อผ้าที่เปียกปอนด้วยน้ำฝน และรอยเปื้อนน้ำโคลนเมื่อสักครู่นี้กลับแห้งสนิท สะอาดหมดจดทีเดียวหลังการประจักษ์
ค.ศ.1919 ได้มีวัดน้อยหลังแรก ณ สถานที่ที่แม่พระประจักษ์
13 พฤษภาคม 1928 เริ่มสร้างมหาวิหาร ( และสำเร็จในปี ค.ศ. 1951 )
ค.ศ. 1931 สภาสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศโปรตุเกสถวายประเทศแด่แม่พระ
31 ตุลาคม 1942 สมโภช 25 ปีแห่งการประจักษ์ พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ถวายโลกแด่ดวงหทัยนิรมลของพระนาง
ค.ศ. 1951 มีพิธีปิดปีศักดิ์สิทธิ์ที่ฟาติมา 13 พฤษภาคม
ค.ศ. 1967 พระสันตะปาปาปีโอที่ 6 เสด็จไปยังฟาติมา วโรกาสสมโภช 50 ปีแห่งการประจักษ์
13 พฤษภาคม ค.ศ. 1982 พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 เสด็จไปภาวนาเพื่อขอบคุณแม่พระและพลีกรรมที่ฟาติมา ( หลังจากที่พระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 1981 ที่หน้าลานมหาวิหารนักบุญเปโตร กรุงโรม ) ที่ช่วยปกป้องชีวิตของพระองค์ไว้ พระองค์ได้รื้อฟื้นการถวายพระศาสนจักรและโลก แด่ดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์อีกครั้งหนึ่ง
ข้อมูลจากเวปไซด์สังฆมณฑลจันทบุรี
ความลับแห่งฟาติมา
สารแห่งฟาติมา ที่เป็นความลับ มี 3 ข้อ 2 ข้อแรกเปิดเผยแล้ว คือ
1. การเห็นนรก แดนทรมาน น่าสะพรึงกลัว ซึ่งวิญญาณจำนวนมากเป็นต้นเนื่องจากบาปผิดต่อความบริสุทธิ์ต้องทนทุกข์ทรมานชั่วนิรันดร
2. ลัทธิคอมมิวนิสต์จะระบาดไปทั่วโลก จะมีการเบียดเบียนพระศาสนจักร
ข้อ 3. ยังเป็นความลับอยู่ โดยลูซีอาเขียนใส่ซองผนึกไว้ และจะยังไม่เปิดเผย "จนกว่าจะถึงปี 1960" ต่อจากนั้นสุดแต่สมเด็จพระสันตะปาปาจะทรงเห็นควร..
เราทราบว่าพระสันตะปาปายอห์นที่ 23 ได้ทรงเปิดอ่านและผนึกซองไว้ต่อไป เฉพาะความลับข้อ 2 ซึ่งเกี่ยวกับรุสเซียและสงครามโลก แม่พระบอกว่า "สงครามโลก (ครั้งที่ 1) จะสิ้นสุดลง (ค.ศ. 1914-1918) แต่ถ้ามนุษย์ไม่เลิกทำเคืองพระทัยพระเป็นเจ้า ก็จะเริ่มควันสงครามคุกรุ่นขึ้นอีก ในสมณสมัยพระสันตะปาปาองค์ถัดไป (คือสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งคุกรุ่นแต่ปี 1938 ในสมณสมัยพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 และระเบิดเมื่อปี 1939-1945) คืนใดที่เห็นแสงสว่างประหลาดเกิดขึ้น ก็ให้รู้ไว้เถิดว่า นั่นแหละอาณัติสัญญาณที่พระเป็นเจ้ากำหนดลงโทษโลกใกล้เข้ามาแล้ว เนื่องจากบาปกรรมต่างๆ จะมีสงคราม, ทุพภิกขภัย, การเบียดเบียนพระศาสนา และต่อองค์สมเด็จพระสันตะปาปา..(ลูซีอา เขียนละไว้ และแสดงสัญญาณนี้ปรากฏจริงในคืนวันที่ 25-26 ม.ค. 1938 เห็นได้ทั่วยุโรป )
เพื่อป้องกันเหตุร้ายนั้น ฉัน (แม่พระ) มาขอให้ถวายประเทศรุสเซียแก่ดวงหทัยนิรมลของฉัน และให้รับศีลมหาสนิทเป็นการชดเชยในวันเสาร์ต้นเดือน ถ้าเชื่อฟังคำขอร้องของฉันรุสเซียจะกลับใจและจะมีสันติภาพ มิฉะนั้นลัทธิอุบาทว์นั้นจะนำความลุ่มหลงไปในโลก, จะเกิดสงครามและการเบียดเบียนพระศาสนจักร, คนดีจำนวนมากจะเป็นมรณสักขี, พระสันตะปาปาจะต้องระทมทุกข์ทรมาน หลายชาติจะถูกทำลายไป "ข้าแต่พระมารดาแห่งฟาติมา โปรดเสนอวิงวอนเพื่อลูกทั้งหลายด้วยเทอญ
ข้อมูลจากเวปไซด์สังฆมณฑลนครราชสีมา