ซิสเตอร์ลูซีอาผู้เห็นแม่พระประจักษ์ที่ฟาติมาได้เสียชีวิตแล้ว ภาพ / ข่าว ::: เว็บไซด์พลังใจ

 

พิธีปลงศพ มีผู้มาร่วมพิธีศพของซิสเตอร์คาเมไลท์ ลูซีอา ดอส ซานโตส จำนวนมาก เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ , ซิสเตอร์เป็นเด็กที่ได้เห็นแม่พระฟาติมา คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ เธอเสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2005 อายุ 97 ปี พระศาสนาจักรคาทอลิกได้ประกาศรับรองการประจักษ์ที่ฟาติมา และอาสนวิหารแห่งฟาติมาเป็นสถานที่ที่มีผู้มาแสวงบุญมากที่สุดแห่งหนึ่ง. (Reuters)

 

สมุดบันทึกของลูซีอาเกี่ยวกับบาป,หายนะภัยและพระสงฆ์

มีเพียงวิธีเดียวที่จะพรรณาสรุปถึงหนังสือใหม่เล่มนี้ นั่นคือ, เป็น เสียงเรียกร้อง, ของลูซีอา ดอส ซานโตส ผู้เห็นแม่พระแห่งฟาติมา และหนังสือเล่มนี้ควรจะถูกวางไว้บนหัวเตียง ข้างๆพระคัมภีร์,หนังสือจำลองแบบพระคริสต์และหนังสือศรัทธาอื่นๆ.

เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้เป็นคำแนะนำด้านจิตใจ. เกี่ยวข้องกับการประจักษ์และคำสอนแห่งฟาติมา นอกเหนือจากพระคัมภีร์-- ในเรื่องที่เกี่ยวกับธรรมบัญญัติ, หนังสือยังเป็นการ "เรียกร้อง" ในสิ่งที่เราควรกระทำในชีวิตนี้, และที่สำคัญที่สุดคือให้คำแนะนำวิธีที่เราจะชำระตนเองให้บริสุทธิ์.

"เพราะเมื่อเราเสียชีวิต", ซิสเตอร์ลูซีอากล่าวไว้," เราจะได้เห็นแสงสว่างที่จะเผยถึงชีวิตของเรา, เป็นแสงเดียวกับที่เหล่าฑูตสวรรค์เห็น"

"ใช่แล้ว, บรรดาผู้แสวงบุญที่รัก,ในสวรรค์, เหล่าฑูตสวรรค์เพ่งมองดูพระพักตร์ขององค์ความสว่างนิรันดร, และในแสงสว่างนั้น -- เช่นเดียวกับกระจกใหญ่มหึมาที่ทุกคนได้ผ่านเข้ามาก่อนหน้านั้นแล้ว -- สรรพสิ่งปรากฏอยู่ที่นั่ น, สรรพสิ่งดำรงอยู่ราวกับมันไม่ได้เสื่อมสลายไป: ทั้งอดีต, ปัจจุบัน, และอนาคต," ซิสเตอร์บันทึกไว้ ณ อารามในประเทศโปรตุเกส.

เมื่อเหล่าฑูตสวรรค์เพ่งดูยังกระจกแห่งแสงสว่าง, ซึ่งคือพระเป็นเจ้า, พวกท่าน "แลเห็นทุกสิ่ง, รู้ทุกสิ่ง, เข้าใจทุกสิ่ง โดยอาศัยความสนิทสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวอันสมบูณ์ของท่านกับพระเป็นเจ้าและการอยู่ในพระหรรษทานของพระองค์ ."

ความลับในการที่จะได้ไปอยู่ที่นั่น,การ ค้นพบสวรรค์, และได้เห็นแสงสว่างนั้น, ก็คือความรัก,ซิสเตอร์ได้ย้ำหลายครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างจริงจัง

" ผู้ที่จะได้รับพระอาณาจักรสวรรค์เป็นรางวัลก็คือผู้ที่ปฏิเสธตนเอง , เข้มงวดต่อตนเองอย่างเคร่งครัดเพื่อจะสามารถชนะใจตนเองได้ , ชนะความโน้มเอียงทางชั่ว, ชนะการประจญล่อลวงของโลก, ชนะปีศาจและเนื้อหนัง, ทำให้ตนเองดำเนินอยู่ในหนทางแห่งความยุติธรรม, ความจริง, และความรัก," .

ซิสเตอร์ย้ำเตือนหลายครั้ง, "เราตกหลุมพรางของสิ่งที่เราคิดว่านำความสุขมาให้ เราแสวงหาความสะดวกสบาย เรามองแต่สิ่งที่เป็นปัจจุบันแทนที่จะมองเห็นสิ่งที่จะติดตามมาในภายหน้า"

"ดังนั้นมนุษยชาติส่วนใหญ่จึงเป็นเหยื่อของความเกียจคร้าน,แสวงหาความสุขชั่วคราว , และจมอยู่ในห้วงลึกของความผิดหวังและความเศร้า ," ซิสเตอร์ลูซีอาอ้างถึงข้อความบางตอนจากพระคัมภีร์. "ให้ลองพิจารณาดูโลกที่เราอาศัยสักหน่อย ! เรามองเห็นอะไรหรือ? ภาพที่ปรากฏต่อสายตาเรานั้นคืออะไร? สงคราม, ความเกลียดชัง, ความทะยานอยาก, การลักพาตัว, การปล้นสดมภ์, การแก้แค้น, การฉ้อฉล, การฆาตกรรม, ความไร้จิตสำนึก, ฯลฯ. แล้วโทษฑัณฑ์สำหรับบาปเหล่านี้ได้แก่ : อุบัติเหตุต่างๆ, ความเจ็บไข้, หายนะภัย, ทุพภิกขภัย, ความเจ็บปวดและความทุกข์ยากลำบากทุกชนิดซึ่งมนุษยชาติต้องคร่ำครวญร่ำไห้ทุกเมื่อเชื่อวัน"

จะได้รับความสุขได้อย่างไรเล่า? เราจะสัมผัสพระพรของพระเป็นเจ้าแม้ในขณะที่อยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร -- และหลีกหนีการประจญของปีศาจไปพร้อมกันด้วย ?

โดยการหลุดพ้นจากความรักตนเอง, ซิสเตอร์ลูซีอากล่าว; โดยหลุดพ้นจากความโลภ, ความเย่อหยิ่ง, และความนับหน้าถือตา เราต้องอาศัยความเชื่อ, การสวดภาวนา, ความสนิทสัมพันธ์กับองค์พระตรีเอกภาพ, การสวดสายประคำ, การรับศีลมหาสนิท เราต้องกระทำสิ่งเหล่านี้ แต่เราก็ต้องอาศัยการสำนึกผิดกลับใจด้วย เราต้องปรับเปลี่ยนตัวของเรา ณ"พระแท่นแห่งการเนรมิตสร้าง"

ปิดทีวีเสีย, ซิสเตอร์กระตุ้นเตือน ปิดวิทย. และแทนที่ด้วยการสวดภาวนา และการชดเชยใช้โทษบาป

เราทำสิ่งต่างๆดังกล่าวได้โดยควบคุมการกิน -- เลือกอาหารที่เราไม่ชอบ -- หรือโดยการอดทนในสิ่งที่ไม่สะดวกสบายโดยไม่บ่น"นี่อาจจะเป็นคำพูดที่กระด้าง, เราไม่อาจยอมรับหรือเราไม่เห็นด้วย ," ซิสเตอร์กล่าวต่อ"นั่นอาจดูขมขื่น, ดูเสียเกียรติ, เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับจิตใจ แต่เราต้องรู้วิธีที่จะอดทนสิ่งต่างๆ, จงมอบการพลีกรรมของเราถวายแด่พระเป็นเจ้าและให้ทุกสิ่งผ่านเราไปเหมือนกับว่าเราตาบอด, เป็นใบ้, หูหนวก, เพื่อที่เราจะได้มองเห็นได้ดียิ่งขึ้น,พูดดีขึ้น, พูดด้วยความมั่นใจขึ้นและสามารถได้ยินพระสุรเสียงพระเป็นเจ้า "

เมื่อเราทำสิ่งเหล่านี้, และสวดภาวนา, เราจะเรียนรู้ถึงภารกิจของเราในชีวิตในได้กระจ่างชัดมากขึ้น

ไฟชำระเป็นอย่างไร? ซิสเตอร์อธิบาย--ถ้าหากยังมีความสกปรกเล็กน้อยในวิญญาณของเรา ,ถึงแม้เราจะไปสารภาพบาปแล้ว, เรายังต้องได้รับการชำระล้าง เธออ้างถึงพระคัมภีร์ 2 Maccabees 12:36-46 "ข้อความจากพระคัมภีร์นี้ช่วยให้เราเข้าใจความจริงในข้อความเชื่อเกี่ยวกับไฟชำระ ที่นั่นเป็นสถานที่วิญญาณที่ตายในพระพรได้ถูกชำระให้บริสุทธิ์จากรอยมลทินทั้งปวงของบาปก่อนที่เราจะได้รับความบรมสุขนิรันดรกับพระเป็นเจ้า," นี่เป็นข้อเขียนที่มีชื่อเสียงอันหนึ่ง -- รอยมลทินเล็กน้อยนั้นอาจมาจากสิ่งที่เราละเลยไม่กระทำ, และอยากขอเตือนว่ามีการกระทำหลายอย่างซึ่งถึงแม้มันจะไม่ถึงกับเป็นบาป "แต่มันทำให้วิญญาณไม่ใสสะอาดอันเนื่องมาจากความสกปรกของโลก และมันกีดกันวิญญาณไม่ให้ลอยขึ้นสู่สิ่งเหนือธรรมชาติซึ่งอยู่เบื้องบน."

เหตุฉะนั้น, เราจึงต้องทำการ "ฟื้นฟูจิตใจ" บ่อยๆ เราสามารถทำได้บนโลกนี้ด้วยการฝึกฝนตนเองให้อยู่ในระเบียบวินัย สวดภาวนาอย่างพอเพียง อุทิศตนต่อพระเป็นเจ้า เราต้องทำให้น้ำใจของเราสะอาดใสบริสุทธ์. อันจะชักนำเราไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ -- ข้อที่ 20 ของบันทึก"การเรียกร้อง" ของซิสเตอร์ลูซีอา

และด้วยความศักดิ์สิทธิ์นี้จะทำให้เราใกล้ชิดพระเป็นเจ้า

เธอกล่าวว่า,ชีวิตเป็นความท้าทายให้เราพยายามติดต่อใกล้ชิดพระเป็นเจ้า, และค้นหา 'ความลึกลับมหัศจรรย์ของพระเป็นเจ้าที่มีต่อชาวเรา' "เพราะพระวิหารของพระเป็นเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์" ,( อ้างอิง 1 Corinthians 3:16-17), "และท่านจะอยู่ในพระวิหารนั้น"

"พระวิหารของโลกเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นด้วยมือของมนุษย์, เรายังมีพระวิหารอื่นๆซึ่งยังมองไม่เห็น,เราต้องสวดภาวนาและมอบถวายการพลีกรรมของเราแด่พระเป็นเจ้า" ซิสเตอร์บันทึก"ฉันหมายถึงวิญญาณของเรา, หัวใจของเร า, จิตใจของเรา พระเป็นเจ้าทรงอยู่ที่นั่น! พระตรีเอกภาพศักดิ์สิทธิ์ทรงพำนักอยู่ที่นั่น! ถ้าเราคงอยู่ในสถานะพระหรรษทาน, เรากำลังอยู่ในพระวิหารของพระเป็นเจ้า"

สำหรับพระสงฆ์ของเรา: "ถ้าเราพบเห็นพระสงฆ์ที่หลงผิดไปจากวิถีทางที่ควร , เราอย่าได้ประหลาดใจไปเลย! พวกท่านก็เป็นมนุษย์เช่นกัน, มีความผิดพลาดเช่นเดียวกับเรา

"การที่พระสงฆ์บางองค์หลงผิดไป ต้องไม่ทำให้เราขาดความเคารพนับถือต่อพระสงฆ์องค์อื่นที่ประพฤติปฏิบัติดี; ยิ่งกว่านั้น, ความอ่อนแอของบุคคลหนึ่งควรทำให้คนอื่นมีจิตใจสูงส่งมากขึ้น

"เพราะฉะนั้น, เราควรฟังพระสงฆ์ด้วยความเชื่อเสมอ, เพราะท่านเป็นแสงสว่างส่องหนทางของเรา, เป็นผู้นำทางชีวิตของเรา, และเป็นแหล่งแห่งพละกำลังสำหรับความอ่อนแอของเรา ."