อีเรเนอุส เกิดที่เมืองสมีร์นา ประมาณปี 130 และได้รับการศึกษาอบรมจากนักบุญ โปลีการ์ป ซึ่งเป็นศิษย์ของนักบุญ ยอห์น อัครธรรมทูต โดยนัยนี้ท่านจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลสุดท้ายในแวดวงของบรรดาอัครธรรมทูต ท่านเป็นนักเทววิทยาคนแรกของพระศาสนจักร เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องพระคัมภีร์ และธรรมประเพณีของพระศาสนจักร รวมทั้งได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดีในด้านวรรณคดีและปรัชญาคลาสสิก ( ปรัชญากรีก ) ท่านเป็นคนฉลาด รู้จักศึกษาดูท่าทีและชั้นเชิงของคู่ต่อสู้เสียก่อน แต่ที่สำคัญท่านเป็นผู้มีความรู้สึกนึกคิดแบบคริสตชนที่ลึกซึ้ง

ที่เมืองลีอองส์ ท่านได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ และต่อมาก็ได้เป็นพระสังฆราชสืบตำแหน่งแทนนักบุญ โฟตินุส ซึ่งเป็นมรณสักขีในปี 177

ภารกิจที่สำคัญของท่านก็คือ ต่อสู้กับความหลงผิดของพวกนิยมลัทธิ Syncretism และ Gnosticism โดยท่านได้ประกาศว่าพระคริสตเจ้าทรงเป็นพระบุคคลในประวัติศาสตร์จริงๆ เป็นผู้ไขแสดงสูงสุดของพระบิดาเจ้าทรงเป็นพระผู้ไถ่ และพระศาสนจักรเองก็ได้เจริญชีวิตพระคริสตเจ้า และได้สืบทอดเจตนารมณ์ของพระองค์ ทุกสิ่งทุกอย่างมุ่งไปหาพระคริสตเจ้า และจะต้องได้รับการปฏิรูปปรับปรุงในพระองค์ ซึ่งเป็นอาดัมคนใหม่ และพระนางมารีอาทรงเป็นเอวาคนใหม่

ชื่อของท่านก็บอกอยู่แล้วว่าหมายถึง “สันติ” (Irenaeus = Pacificus) ท่านได้พยายามเป็นคนกลางที่คอยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างพระศาสนจักรตะวันออกกับพระศาสนจักรตะวันตก (โรม) นอกจากจะเป็นมรณสักขีโดยเสียชีวิตในปี202 ที่เมืองลีอองส์ ประเทศฝรั่งเศส แล้ว ท่านยังสมที่จะได้รับเกียรติเป็น “นักปราชญ์” ของพระศาสนจักรอีกด้วย

ทุกๆ ครั้งที่เรามาร่วมกันถวายบูชามิสซาก็เป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึงห่วงสัมพันธ์ของสายโซ่ที่ไม่เคยได้ขาดตอนเลย ตั้งแต่การทานเลี้ยงอาหารค่ำของพระคริสตเจ้าเรื่อยมาจนถึงบรรดาอัครธรรมทูต บรรดาปิตาจารย์ ฯลฯ จนกระทั่งถึงพวกเราในสมัยนี้ ปังและเหล้าองุ่นซึ่งเป็นผลผลิตของแผ่นดินและของการทำงานของมนุษย์ได้เข้ามามีส่วนในบูชามิสซา ก็เพื่อที่จะเปลี่ยนให้เป็นพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า ทั้งสองอย่างนี้เป็นผลแรกของการสร้างใหม่ อันเป็นเครื่องหมายของการเป็นเจ้านายที่พระผู้เสด็จกลับคืนชีพมีต่อสสารและจิต ซึ่งจะได้รับการเปิดเผยให้เห็นก็ต่อเมื่อ “ฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่” จะปรากฎขึ้น

คำภาวนาทูลขอและข้อปฏิบัติ
1. ขอให้เราได้มีจิตสำนึกถึงพลังของธรรมประเพณีที่แท้จริงซึ่งเราได้รับสืบทอดต่อกันมาจากบรรดาอัครธรรมทูต
2. ให้เราได้ร่วมกันถวายบูชามิสซาด้วยจิตตารมณ์เป็นหนึ่งเดียวกับพระสันตะปาปาและพระสังฆราช
3. ขอให้บูชามิสซา-ศีลมหาสนิทจงเป็น “การชิดสนิทสัมพันธ์” กับทุกๆ คน ที่มาร่วมถวายบูชามิสซากับเรานี้
4. ขอให้บูชามิสซานี้เป็นรูปแบบที่นำหน้าอันแสดงให้เราเห็นถึง “การ สร้างใหม่” ในวาระสุดท้าย