ทัศนะบางประการ ในเทศกาลมหาพรต
การอดเนื้อ


คริสตชนคาทอลิก จะอดเนื้อในวันศุกร์ทุกสัปดาห์ตลอดทั้งปี เพราะถือว่าเป็นวันพลีกรรมทั่วไป แต่ในเทศกาลมหาพรต จะต้องอดเนื้อใน วันพุธรับเถ้า และวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ ในตรีวารปัสกา เพิ่มขึ้นมา

"เนื้อ" ในที่นี้หมายถึงเนื้อสัตว์สี่เท้า, สัตว์ปีก เพราะถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่ เช่น หมู, วัว, ไก่, นก ฯลฯ อีกทั้งเนื้อเหล่านี้ในอดีต (แม้ในปัจจุบัน) มีราคาแพง จุดประสงค์ของการอดเนื้อก็เพื่อเข้าร่วมทุกข์กับองค์พระเยซูเจ้า เราจึงอดอาหารที่มีราคาแพง หรืออร่อยลิ้น เพราะนำมาปรุงอาหารได้หลากหลาย แต่จะกินอาหารเรียบง่ายไม่ฟุ่มเฟือย เช่น ผัก, เต้าหู้ หรือแป้งแทน เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่กินความไปถึงสัตว์น้ำ เช่น กุ้ง, ปู, ปลา, หอย ฯลฯ เพราะสัตว์เหล่านี้แต่เดิมเป็นสัตว์เล็กราคาไม่แพง ทอดแหหาตามริมคลอง, ตลิ่งหน้าบ้าน ฯลฯ คล้ายๆ เด็ดยอดผักริมรั้วมาทำอาหารกิน ไม่ได้ฟุ่มเฟือยอะไร

พึงเข้าใจว่า แม้พระศาสนจักรมิได้ห้ามอาหารทะเล หรือสัตว์น้ำก็จริง แต่ตามจิตตารมณ์ที่เราอดเนื้อก็เพื่อร่วมทุกข์กับพระเยซูเจ้า จึงไม่สมควรที่จะทานอาหารซีฟู้ดราคาแพงๆซึ่งเป็นการไม่มัธยัสถ์

ใครที่ต้องอดเนื้อ?

ตามข้อบังคับพระศาสนจักร คริสตชนคาทอลิกที่มีอายุ ตั้งแต่ 14 ปี ขึ้นไป จนถึง 60 ปี ต้องอดเนื้อ ยกเว้นผู้ป่วย

ปัญหา : เมื่อทำงานนอกบ้านหรือโรงงานที่เขาทำอาหารให้คนงานทาน มีแต่อาหารประเภทเนื้อ ในวันศุกร์เราจะทำอย่างไร?
-: เราไม่มีทางเลือก อาจจะเขี่ยเนื้อออกไป, ไม่ตักเนื้อ แต่ถ้าจำเป็นถึงที่สุดก็ทานได้ เพราะไม่มีตัวเลือก แต่ต้องไปทำกิจศรัทธาอื่นชดเชย เช่น สวดภาวนา สวดสายประคำ หรือไปเฝ้าศีลมหาสนิทในวัด แทนได้

การถือศีลอดอาหาร


การจำศีลอดอาหารเพื่อเตรียมฉลองปัสกานี้ แต่เดิมถือกันเพียงสองหรือสามวันก่อนสมโภชปัสกาเท่านั้น ตามที่เราทราบจากงานเขียนของ Eusebius นักประวัติศาสตร์พระศาสนจักรที่บอกว่า นักบุญอิเรเนโอในปลายศตวรรษที่ 2 กำหนดไว้เช่นนี้ แต่ต่อมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 4 เมื่อมีการกำหนดเทศกาลมหาพรตเพื่อเตรียมฉลองปัสกาขึ้นโดยเฉพาะ ระยะเวลาการจำศีลก็ขยายออกไปถึง 40 วัน ตลอดเทศกาลมหาพรต และปฏิบัติอย่างเคร่งครัด กินอาหารอิ่มได้เพียงวันละมื้อเดียวเท่านั้น เพื่อระลึกถึงการจำศีลอดอาหารของโมเสสของประกาศกเอลียาห์ และของพระเยซูเจ้า แต่เนื่องจากคริสตชนมีธรรมเนียมไม่จำศีลอดอาหารในวันอาทิตย์ (และวันเสาร์ด้วยในพระศาสนจักรตะวันออก) วันจำศีลอดอาหารในเทศกาลมหาพรต 6 สัปดาห์ (หรือ 7 สัปดาห์ในพระศาสนจักรตะวันออก) จึงเหลือจริงเพียง 36 วัน และต้องเพิ่มวันจำศีลในวันธรรมดาก่อนอาทิตย์แรกในเทศกาลมหาพรตอีก 4 วัน คือวันพุธ พฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์ให้ครบ 40 วัน เทศกาลมหาพรตจึงเลื่อนมาเริ่มในวันพุธซึ่งเป็นวันธรรมดา แทนที่จะเริ่มในวันอาทิตย์แรกของเทศกาลเช่นเดียวกับในเทศกาลอื่นๆ

ในปัจจุบัน พระศาสนจักรลดหย่อนข้อบังคับเรื่องการจำศีลอดอาหารในเทศกาลมหาพรตลงเหลือเพียง สองวัน คือในวันพุธรับเถ้าเมื่อเริ่มเทศกาล และในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ระลึกถึงพระทรมาน และการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสตเจ้าบนไม้กางเขน (Apostolic Constitution "Paenitemini" 1966) ถึงกระนั้น พระศาสนจักรยังคงรักษาจิตตารมณ์แท้จริงของเทศกาลมหาพรตไว้ไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือการกลับใจสละน้ำใจของตนเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเหมือนองค์พระเยซูเจ้า เพื่อจะได้พร้อมที่กลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์ในคืนวันปัสกา

คำว่า "อดอาหาร" หมายถึง พระศาสนจักรให้ทานได้เพียง 1 มื้อ ในวันดังกล่าว และถ้าหากจำเป็นกลัวว่าจะเป็นลม หิวเพราะต้องทำงาน ก็ทานมื้อที่เหลือได้ครึ่งท้อง หมายความว่าทานพอกันเป็นลม มิใช่ทานอย่างปกติ ทั้งนี้และทั้งนั้นหากใครอดได้ทั้งวันเลยหรือทานเพียงมื้อเดียวจริงๆ ก็เป็นผลดี

จิตตารมณ์การอดเนื้อนี้ก็เช่นกันเพื่อเข้ารวมส่วนมหาทรมานของพระเยซูเจ้า นับเป็นการพลีกรรม ก่อเกิดบุญกุศลชดใช้โทษบาปของเราเองและของผู้อื่น บุญกุศลนี้เป็นผลเพราะร่วมในมหาทรมานของพระเยซูเจ้า ดังนั้นเมื่ออดอาหารก็ต้องกระทำเพราะเห็นแก่พระเยซูเจ้า มิใช่เพื่ออวดความดีของตนเอง หรือไปข่มผู้อื่น คริสตชนที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ จนถึง 60 ปี จะต้องถือศีลอดอาหาร ยกเว้นผู้ป่วยที่แพทย์ให้ทานอาหารปกติ
จะเห็นว่า เราสามารถทำพลีกรรมอย่างอื่นชดเชยก็ได้ หากเราลืมอดอาหารในวันดังกล่าว จะอดในวันถัดไปที่จำได้ หรือกระทำกิจศรัทธาอื่นเพื่อชดเชยที่เราไม่ได้อดอาหาร แต่ก็ควรเป็นการกระทำความดีตามเจตนารมณ์ของพระศาสนจักร


ปัญหา : เด็กๆที่อายุยังไม่ถึง 18 ปี จะอดอาหารบ้างได้หรือไม่?
-: ได้…แต่เด็กๆ ยังอยู่ในวัยที่กำลังเจริญเติบโต สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญต้องดูแล ดังนั้น อาจจะทำพลีกรรมอย่างอื่นแทน เช่น อดขนมขบเคี้ยวนอกเวลาอาหาร งดซื้อของเล่น รูปถ่าย สติ๊กเกอร์ ฯลฯ ที่ฟุ่มเฟือย

บทสรุป

ในความเข้าใจของคริสตชนจำนวนไม่น้อย เทศกาลมหาพรตเป็นเพียงเทศกาลที่เราต้องทรมานกายใช้โทษบาป โดยการจำศีลอดอาหารหรือทำพลีกรรมอื่นๆ เท่านั้น อันที่จริง เทศกาลมหาพรตเป็นการเดินทางมุ่งหน้าด้วยความยินดีไปเฉลิมฉลองปัสกาซึ่งเป็นยอดวันฉลองในรอบปี ในช่วงเวลาการเดินทางนี้ เราจึงต้องละทิ้งกิจการชั่วร้ายและนิสัยไม่ดีต่างๆ ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของพระคริสตเจ้าในชีวิตของเราต้องจางลงหรือเปื้อนหมองไป การจำศีลอดอาหาร การอธิษฐานภาวนา การให้ทานจึงเป็นโอกาสให้เราคิดถึงความรักต่อพระเจ้า และต่อเพื่อนพี่น้องด้วยการช่วยเหลือแบ่งปันให้แก่กัน ไม่ใช่เพื่อลงโทษร่างกายให้มีความทุกข์เท่านั้น การจำศีลอดอาหารช่วยให้เรารู้จักประมาณในการกินดื่ม เพื่อไม่ปล่อยตัวให้กินดื่มจนเมามาย ซึ่งจะเป็นเหตุให้เราตกในบาปได้โดยง่าย การจำศีลอดอาหารในความหมายแท้จริง จึงต้องพิจารณาควบคู่ไปกับการดำเนินชีวิตคริสตชนให้ครบทุกด้าน ไม่ใช่แยกอยู่อย่างเอกเทศ เทศกาลมหาพรตเป็นเทศกาลแห่งการกลับใจ เราต้องมีความใกล้ชิดกับพระเจ้ายิ่งขึ้นไม่ใช่เพียงด้วยการอธิษฐานภาวนาเท่านั้น เรายังต้องใกล้ชิดกับพระองค์ผ่านทางเพื่อนพี่น้องซึ่งก็เป็นบุตรของพระเจ้าด้วย โดยการแสดงความรัก ช่วยจุนเจือความขัดสนของเขา ด้วยการเสียสละเงินทองส่วนหนึ่งที่ได้มาจากการประหยัด เพราะอดอาหารช่วยให้ผู้หิวโหยได้มีอาหารเพียงพอ

พระเยซูเจ้าเสด็จมาในโลกนี้เพื่อไถ่บาปมนุษย์ สมานความแตกแยกนี้ให้กลับคืนมาใหม่ อาศัยมหาทรมานบนไม้กางเขนของพระองค์ฉันใด ชีวิตของเราก็ต้องเข้าส่วนในทรมานของพระองค์เพื่อสมานรอยแตกร้าว ที่เราต่างก็ได้เคยทำเอาไว้กับพระเป็นเจ้า กับผู้คน กับธรรมชาติฉันนั้น

เอกสารประกอบ
- ชีทบรรยาย "ครบเครื่องเรื่องมิสซา"
- คำสอนเรื่อง "สมโภชปัสกา พระธรรมล้ำลึกสำคัญที่สุดแต่หนึ่งเดียวของพระศาสนจักร"
- อุดมศานต์
- ศูนย์ฝึกอบรมงานอภิบาล "บ้านผู้หว่าน" สามพราน 2 กุมภาพันธ์ 1999
ขอขอบคุณ
www.saranae.com