พระเยซูคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพ
(คำสอน 5 นาที โดยศูนย์คำสอนสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จากวารสารอุดมสาร ปีที่ 14 ฉบับที่ 16)


การกลับคืนชีพของพระเยซูคริสตเจ้า เป็นความจริงที่ชาวคริสต์เชื่อ และชื่นชมยินดี ที่เชื่อนั้นก็เพราะ เป็นสิ่งที่อัครสาวกของพระองค์ ได้ประสบพบเห็นมาก่อน อย่างน้อยก็มีเหตุการณ์ 2 ประการ ที่ทำให้พวกเขากล้าประกาศยืนยันว่า พระเยซูคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพ คือ

 

1. การประจักษ์ของพระองค์

พระเยซูเจ้าได้ปรากฏมาหาบรรดาสาวกของพระองค์ ที่ห้องซึ่งพวกเขามาชุมนุมกันถึงสองครั้ง และสนทนากับพวกเขาด้วย (ยน.20:19-29; ลก.24:37-42) สาวกบางคนไม่อยู่ในเวลาที่ พระองค์ประจักษ์ครั้งแรก ก็สงสัยและท้าทาย คือโทมัส จนเมื่อพระองค์ประจักษ์อีกครั้ง จึงยอมรับว่า "พระอาจารย์เจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้า" (ยน.20:28)
สาวกที่กำลังเดินทางกลับเมืองเอมมาอูสก็เช่นกัน ...หมดหวัง ... แต่พระเยซูเจ้าได้ปรากฏมาสนทนากับเขาระหว่างทาง ...จนพวกเขารู้สึกเร่าร้อนภายใน และจำพระองค์ได้ตอนที่ทรงหักปัง ...จึงรีบกลับไปหาสาวกทั้งสิบเอ็ด ที่กรุงเยรูซาเล็มในคืนนั้นทันที เพื่อเล่าเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ทราบ (ลก:24:13-35)
พระเยซูเจ้าได้ปรากฏแก่ มารีอาชาวเมืองมักดาลา ในเวลาเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ ที่อุโมงฝังศพของพระองค์ นางเองคิดว่าพระองค์เป็นคนทำสวน จนเมื่อพระองค์ได้ทักนางก่อน นางจึงจำพระองค์ได้ และเล่าเรื่องนี้ให้สาวกฟัง (มธ.16:19-11, ยน.20:11-18)

เพราะการประจักษ์ของพระเยซูเจ้า บรรดาสาวกจึงไม่ลังเล ที่จะประกาศเรื่องการกลับคืนชีพของพระองค์ แก่ประชาชนในสมัยของท่าน ชาวคริสต์สมัยต่อๆ มา ซึ่งได้เชื่อ ก็ประกาศยืนยันสืบเนื่องกันมาเรื่อย จนถึงสมัยปัจจุบัน


2. คูหาว่างเปล่า

หลังจากที่พวกทหารโรมันเห็นว่า พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์แล้ว และตามธรรมเนียมของชาวยิว ไม่อนุญาตให้ศพค้างบนกางเขนในวันพระ จึงอนุญาตให้โยเซฟชาวเมืองอาริมาเธีย นำพระศพไปฝังที่อุโมงแห่งหนึ่ง (ยน.19:38-42) และเอาก้อนหินใหญ่ปิดปากอุโมงไว้ (มก.15:47) หัวหน้าสมณะและพวกฟาริสี ได้ขอให้มียามเฝ้าอุโมงไว้ เพราะจำได้ว่า พระเยซูเจ้าเคยตรัสไว้ว่า "หลังจากตายแล้วสามวัน เราจะกลับเป็นขึ้นมาจากตาย" จึงกลัวพวกสาวกของพระองค์ ไปขโมยศพ และโกหกประชาชนว่า พระองค์กลับคืนชีพ (มธ.27:62-66)
เช้าตรู่วันอาทิตย์ มารีอาชาวมักดาลาได้ไปที่อุโมง เพื่อจะไปเยี่ยมพระศพ แต่กลับพบหินปิดอุโมงเคลื่อนออก คูหาว่างเปล่าไม่มีพระศพ เหลือแต่ผ้าป่าน ที่ใช้พันพระศพวางทิ้งไว้อยู่ที่นั่น ...จึงรีบไปตามเปโตร และยอห์นศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรัก พวกเขารีบมาที่อุโมง พบคูหาว่างเปล่า เขาได้เห็นและเชื่อ (ยน.20:1-10)

ยามที่เฝ้าอุโมง ได้ไปรายงานเรื่องนี้ให้หัวหน้าสมณะ ที่จ้างตนทราบ หัวหน้าสมณะได้ให้เงินแก่ยาม และให้บอกว่าพวกสาวกพระเยซูเจ้า มาขโมยพระศพไป (มธ.28:11-15)

คูหาอันว่างเปล่า และผ้าพันศพนี้จึงหมายถึง ร่างกายของพระเยซูเจ้า ได้พ้นพันธะของความตาย และความเสื่อมสลาย โดยพระฤทธานุภาพทั้งสองสิ่ง ช่วยให้บรรดาสาวก ได้พบปะกับพระคริสผู้ทรงกลับคืนชีพ

ความเชื่อในเรื่องการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า เป็นแก่นสำคัญที่สุดของศาสนาคริสต์ เป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่บรรดาสาวกได้พบกับพระคริสต์ ผู้ทรงกลับคืนชีพจริงๆ เป็นเหตุการณ์ธรรมชาติ ที่ช่วยให้เราเข้าใจชีวิตมนุษย์ดีขึ้น คือ เราจะมีส่วนในการกลับคืนชีพ มีชีวิตใหม่เช่นเดียวกัน และประสบการณ์ของบรรดาสาวกในวันปาสกานั้น ก็เป็นประสบการณ์ของบรรดาชาวคริสต์ในสมัยต่อมา คือ พระองค์ได้เผยพระองค์แก่ศิษย์ ที่รวมกันในพิธีบูชามิสซา เพราะเรารู้จักพระองค์ทางพระคัมภีร์ ทางการอภัยบาป และการหักปัง