ปรีชาญาณของนกแก้ว

 

ที่อารามเก่าแก่แห่งหนึ่งบนภูเขาในประเทศธิเบต อธิการของอารามมีชื่อว่าไดมาลา ท่านปรารถนาจะฉลองครบรอบร้อยปีแห่งการก่อตั้งอารามในรูปแบบที่สร้างสรรค์ และเพื่อให้ฤาษีในอารามของท่านมีความสนุกสนาน ในขณะเดียวกันก็ได้รับความรู้มากขึ้นด้วย ท่านจึงจัดการแข่งขันที่ค่อนข้างแปลกขึ้นมาในหมู่คณะของท่าน เจตนาของท่านก็คือท่านต้องการจะสอนความจริงอันยิ่งใหญ่ฝ่ายจิตแก่ทุกคนในอาราม

ท่านได้มอบนกแก้วสามตัวให้กับฤาษี 3 องค์ในอารามของท่าน และสั่งพวกเขาว่า "ใครก็ตามที่สามารถฝึกนกแก้วให้มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่มีคุณค่า ความจริงฝ่ายจิตและข้อคำสอนทางศาสนาได้ดีที่สุด จะได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งอธิการต่อจากท่าน " ฤาษี 3 องค์มีเวลา 6 เดือนที่จะฝึกนกแก้ว

เมื่อเวลาที่กำหนดมาถึง ฤาษีทั้งอารามจำนวน 300 องค์ ได้มารวมตัวกันที่ห้องประชุมใหญ่ เพื่อชมและเป็นประจักษ์พยานในการแข่งขันที่จะเริ่มขึ้น ท่านไดมาลาเรียกไทชุง ผู้เข้าแข่งขันคนแรกเข้ามา หลังจากที่ได้โค้งคำนับด้วยความเคารพต่ออธิการและสมาชิกในคณะแล้ว ไทชุงให้สัญญาณแก่นกแก้วของเขาให้เริ่มการแสดง

ฤาษีทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ฟังนกแก้วของไทชุงพูดอย่างคล่องแคล่วถึงคำสอนของศาสนาต่าง ๆ เจ้านกแก้วแสนรู้ยังได้บรรยายถึงปรีชาญาณของนักปราชญ์ในสมัยโบราณและธรรมล้ำลึกฝ่ายจิตอื่น ๆ หลังจากใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเพื่อฟังความฉลาดรอบรู้ของเจ้านกแก้วแล้ว บรรดาฤาษีต่างปรบมือให้กับนกแก้วตัวนั้นด้วยความอัศจรรย์ใจ พวกเขาพากันสรรเสริญไทชุงที่ได้ฝึกนกแก้วของตนมาเป็นอย่างดี

คนต่อมาคือหว่างซุง และเช่นเดียวกันทุกคนต้องประหลาดใจอย่างมาก เนื่องจากเจ้านกแก้วตัวนั้นเริ่มต้นแสดงความสามารถของมันด้วยการสวดภาวนาโดยขับร้องเพลงอาเวมารีอา หลังจากนั้นจึงได้พูดถึงงานเขียนของนักบุญออกัสติน นักบุญฮีลารี และแม้แต่บางส่วนของหนังสือซุมมาเทโอโลจิกาของท่านนักบุญโทมัส อไควนัส และเจ้านกน้อยยังขับร้องเพลงเตเดอุมเป็นบทสวดส่งท้าย เพื่อจบการบรรยายอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรอบรู้ของมันซึ่งใช้เวลาประมาณเกือบสองชั่วโมง ทันทีที่การแสดงจบลงเสียงปรบมือกราวใหญ่ของทุกคนในอารามก็ดังขึ้น

คนสุดท้ายคือหยังเจีย ทุกคนต่างคอยดูว่าเจ้านกตัวสุดท้ายจะแสดงอะไรที่เหนือกว่าเจ้านกสองตัวแรก พวกเขาต้องผิดหวังเมื่อพบว่าหลังจากที่หยังเจียให้สัญญาณแล้ว เจ้านกแก้วของเขาก็ยังคงเงียบและไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว หลังจากนั้นสองนาที หยังเจียได้ประกาศว่าการแสดงความสามารถของนกแก้วของเขาจบลงแล้ว ในขณะที่ทุกคนรู้สึกผิดหวัง แต่สีหน้าของท่านอธิการกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แน่นอนท่านเข้าใจว่านกแก้วของหยังเจียต้องการจะแสดงอะไร

ฤาษีคนหนึ่งถามหยังเจียว่า "น้องรัก ความสามารถที่นกแก้วของเธอแสดงคือความเงียบหรือ?" "ใช่ครับ" หยังเจียตอบ พี่น้องอีกคนหนึ่งในอารามถามหยังเจียต่อไปว่า "เธอก็รู้ไม่ใช่หรือว่างานนี้เป็นงานสำคัญแต่ดูเหมือนว่า เธอไม่ได้ฝึกนกของเธอเลย" หยังเจียตอบว่า "พี่ที่รัก จริง ๆ แล้วนกแก้วของผมมีความรู้มากกว่าเจ้านกแก้วสองตัวแรก มันสามารถอธิบายคำสอนของแต่ละศาสนา นำมาเปรียบเทียบ และวิเคราะห์ได้ ไม่เพียงแต่ความรู้ทางศาสนาเท่านั้น เจ้านกแก้วตัวนี้ยังรอบรู้ในเรื่องของประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ฯลฯ" แต่ฤาษีคนหนึ่งก็ขัดจังหวะขึ้นมาว่า "น้องรัก ถ้านกแก้วของเธอมีความสามารถมากมายอย่างที่เธอพูด ทำไมเวลาเธอบอกให้มันแสดงความสามารถมันจึงเงียบ พี่ไม่เห็นมันแสดงอะไรให้พวกเราดูเลย" หยังเจียอธิบายให้ทุกคนในอารามเข้าใจในที่สุดว่า "พี่น้องที่รัก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ผมฝึกให้นกแก้วของผมมีความสุภาพแม้มันจะมีความรู้มาก"

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้คือหยังเจีย

จากผู้แปลและเรียบเรียง : นักบุญเปโตรได้เตือนใจพวกเราในจดหมายฉบับแรกของท่าน "จงมีความถ่อมตนต่อกันเถิด เพราะพระเจ้าทรงต่อต้านคนเย่อหยิ่งจองหอง แต่ประทานพระหรรษทานแก่ผู้ถ่อมตน ดังนั้นจงถ่อมตนลงอยู่ใต้พระหัตถ์ทรงฤทธิ์ของพระเจ้า เพื่อพระองค์จะได้ยกย่องท่านเมื่อถึงเวลาอันควร" (1ปต 5:5-6)

เก็บความโดย ..คุณพ่อเชษฐา ไชยเดช

จากเวปไซด์อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ